เมืองแสนสวยริมทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ประเทศอิตาลี

35481 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เมืองแสนสวยริมทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ประเทศอิตาลี

ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) เป็นทะเลสาบที่มีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งในแคว้นลอมบาร์เดียประเทศอิตาลีมีพื้นที่ 146 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามในอิตาลีรองจากทะเลสาบการ์ดาและลาโกมากี ด้วยความลึกมากกว่า 400 เมตร จึงเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในลำดับที่ 5 ในยุโรป

ทะเลสาบโคโมเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมสำหรับขุนนางและคนรวยมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของบนักท่องเที่ยวในสมัยปัจจุบัน ซึ่งที่ทะเลสาบแห่งนี้มีทั้งวิลล่า และพระราชวังมากมาย ลักษณะที่โดดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้คือ รูปร่างของทะเลสาบมองดูแล้วคล้ายตัว "Y" ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรียกว่า "Larian Triangle" ในปี 2014 The Huffington Post ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก

เมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักตากอากาศ จะมีเมืองอะไรบ้าง ตามมาเก็บข้อมูลกันไว้เลยค่ะ  

  เมืองโคโม่ (Como)

เมืองโคโม่ (Como) เป็นเมืองที่มีชื่อเดียวกับทะเลสาบ ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบ โคโม่เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย หากเดินทางจากเมืองมิลานโดยรถไฟมายังเมืองโคโม่ใช้เวลาเพียง 36 นาที

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

มหาวิหารโคโม่ (Cattedrale di S.Maria Assunta di Como) เป็นมหาวิหารโรมันคาธอลิกหลักใจกลางเมืองโคโม่ ใช้เวลาการสร้างยาวนานเกือบ 400 ปี สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารี (Santa Maria Assunta)

ตัวอาคารมีความยาว 87 เมตร กว้าง 36-56 เมตร และสูง 75 เมตร บนยอดโดม และทางเดินคั่นด้วยเสายุคเรเนสสง่างาม ด้านบนโดมมีไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของศาสนา  หากได้ไปชมแล้วรับรองว่ามีเสน่ห์ไม่แพ้มหาวิหารอื่นๆเลยค่ะ

มหาวิหารแห่งนี้ ปัจจุบันยังคงถูกใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนา และสืบสานประเพณีร้องเพลงประสานเสียงจากศตวรรษที่ 16 ไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีภาพวาดสมัยศตวรรษที่ 16 จำนวนมาก ที่ถูกวาดโดย Bernardino Luini และ Gaudenzio Ferrari ให้ชมอีกด้วย

บาซิลิกา ดิ ซาน เฟเดเล โคโม่ (Basilica di San Fedele Como) ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โบสถ์แห่งนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 6 แต่มีการปรับปรุงใหม่ในศตวรรษที่ 11 ในสไตล์โรมาเนสก์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักร

โบสถ์แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมเป็นอาคารแบบโรมัน ในโบสถ์ที่มีจั่วกระดูกโค้ง ด้านหน้าอาคารถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นสไตล์นีโอ - โรมันในปีค.ศ. 1914 ตามทางเดินมีภาพเฟรสโกในยุคกลาง ความโดดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือ หน้าต่างกลางที่ถูกทำลวดหลายให้เป็นดอกกุหลาบยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และภายในโบสถ์มีแท่นบูชาหินอ่อนที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามมากๆเลยค่ะ

Villa Olmo in Como เป็นวิลล่าแบบนีโอคลาสสิก Marquis Innocenzo Odescalchi ได้ว่าจ้างสถาปนิกชาวสวิสชื่อ Simone Cantoni ให้ออกแบบและสร้างวิลล่าแห่งนี้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนช่วงฤดูร้อนสำหรับชนชั้นสูงเมื่อปีค.ศ. 1797 วิลล่าแห่งนี้ถูกตั้งชื่อตามต้นต้นเอล์ม (Elm) ที่ปลูกกลางสวนหรูหรา 

ปัจจุบันเทศบาลเมืองโคโมได้ตัดสินใจที่จะทำให้วิลล่าแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับทำกิจกรรมทางวัฒนธรรม และการจัดนิทรรศการศิลปะ เพราะมีสวนขนาดใหญ่ และอาคารหลายแห่ง Villa Olmo ถือเป็นวิลล่าที่สง่างามที่สุดในทะเลสาบโคโม

The Tempio Voltiano หรือ Volta Temple เป็นพิพิธภัณฑ์ในเมืองโคโม สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์แบตเตอรี่ไฟฟ้า ชาวอิตาเลี่ยนชื่อดังอย่าง Alessandro Volta 

อาคารแห่งนี้เป็นสไตล์นีโอคลาสสิกได้รับการออกแบบโดย Federico Frigerio สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 1927 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของการตายของ Alessandro Volta ภายในจัดเก็บรวบรวมเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เขาใช้ในการค้นคว้าให้ชมอีกด้วย ส่วนด้านหลังของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ยังติดทะเลสาบ และภูเขา แถมมีม้านั่งให้ได้นั่งเล่นพักขาที่เหนื่อยล้าจากการเดินเที่ยวด้วย Volta Temple จึงถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เข้าชมมากที่สุดในเมืองนี้ค่ะ

Porta Torre หรือเรียกอีกอย่างว่า Torre di Porta Vittoria เป็นป้อมปราการสไตล์โรมันตั้งอยู่ในเมืองโคโม ตั้งอยู่ใกล้ ถนน Via Carducci มีความสูง 40 เมตร และสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1192 เพื่อป้องกันข้าศึกที่ทางเข้าหลักของเมือง ป้อมปราการรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่มีซุ้มประตูทางเข้าสองแห่ง สันนิษฐานว่าป้อมปราการแห่งนี้ ในส่วนของทางเข้าหลักของเมืองนั้นถูกวางไว้ที่ใจกลางกำแพงด้านหน้าที่หันไปทางเมืองมิลาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอิสระของเมือง

Via Vittorio Emanuele II ถนนสายช้อปปิ้ง ที่สามารถเดินจาก Cattedrale di S.Maria Assunta di Como มหาวิหารสำคัญของเมือง ถนนเสน้นนี้จะมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายให้ได้เดินเล่นกันแบบชิลล์ๆ ถ้าในช่วงที่อากาศเย็นสบาย ชาวอิตาเลี่ยนจะนิยมมานั่งจิบชา กาแฟ ยามบ่ายกันหนาแน่นเลยค่ะ 

เมืองโคโม่ ถือเป็นเมืองแรกที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาเที่ยวชม เพราะเป็นเมืองที่มีชื่อเดียวกับทะเลสาบโคโม่ แต่ยังไงเพื่อนๆ ต้องอย่าลืมเก็บแรงไว้เที่ยวชมเมืองอื่นๆด้วยนะคะ รับรองว่าสวยไม่แพ้กันเลยค่ะ 

 

  เมืองเบลลาจิโอ (Bellagio)

เมืองเบลลาจิโอ (Bellagio) เป็นเมืองที่ถือว่าเป็น "ไข่มุกแห่งทะเลสาบโคโม (Pearl of the lake)" ตั้งอยู่ปลายบนของคาบสมุทร ระหว่างจุดตรงกลางระหว่างแขนของตัว "Y" ที่ถูกแบ่งเป็นสองข้างทางทิศใต้ของทะเลสาบ เมืองสามารถเห็นเทือกเขาแอลป์ ทางทิศเหนือได้อย่างชัดเจน

ภายในเมืองมีวิลล่าที่สวยงามมากมาย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายรูปร้านค้าเล็ก ๆบนถนนที่อยู่ตามตรอกซอกซอย เพราะเมืองนี้ถือเป็นอีกเมืองที่สามารถเห็นทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบโคโมได้เป็นอย่างดีค่ะ นอกจากนี้เมืองเบลาจิโอ ยังอยู่ใกล้กับเมือง Menaggio และ Varenna ซึ่งทั้งสามเมืองนี้เชื่อมต่อกันด้วยเรือข้ามฟาก ถือเป็นจุดที่เป็นเสมือน "สามเหลี่ยมทองคำ" เพราะสามารถเที่ยวได้ทั้ง 3 เมืองนี้โดยการนั่งเรือเฟอรี่เพียง 20 นาที

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

ถนน Salita Serbelloni Street เป็นถนนที่มีทางเดินเป็นหิน บ้านเรือแถวนี้มีสีสันสดใสดังลูกกวาด ตั้งอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันไป ซอยเล็กๆแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่บ่งบอกว่านี่คือเมืองเบลลาจิโอ เพราะเพื่อนๆจะเห็นภาพมุมนี้ ซึ่งถือเป้นมุมมหาชนเต็มอินเตอร์เน็ตปหมดเลยล่ะค่ะ หากหาถนนไม่เจอให้เพื่อนๆค้นหาจากชื่อร้าน Ristorante Bilacus ซึ่งร้านนี้จะตั้งต้นอยู่บนซอยแห่งนี้ค่ะ รับรองว่าหากมาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

Villa Melzi Gardens ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักฤดูร้อนของ Francesco Melzi d’Eril รองประธานาธิบดีของสาธารณรัฐอิตาลีนโปเลียน ถึงแม้ไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมภายในตัวอาคาร แต่เราก็สามารถชมสวนสวยซึ่งออกแบบโดยสถาปนิก Luigi Canonica และผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม รับรองว่าเพื่อนๆจะได้พบกับความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างสถาปัตยกรรมและความงามตามธรรมชาติ แน่นอนค่ะ

นอกจากนี้หากเดินเล่นเลาะริมทะเลสาบไป เพื่อนๆก็จะได้พบกับ ศาลาริมน้ำ Chiosco Moresco ที่ด้านในมีรูปปั้นครึ่งตัวของจักรพรรดิออสเตรีย Ferdinand I และ Marianne of Savoy ส่วนด้านนอกมีรูปปั้นเต็มตัวของ Duke Lodovico Melzi และJosephine Melzi Barbò Lodovico Melzi ตั้งอยู่ค่ะ วิวตรงศาลาริมน้ำนี้ รับรองว่าจะได้เห็นวิวทิวทัศน์แบบ Panorama ของทะเลสาบโคโม่เลยค่ะ

Basilica of San Giacomo โบสถ์สำคัญของเมืองเบลลาจิโอ ตั้งอยู่ในย่าน Borgo โบสถ์แบบโรมันของ San Giacomo (St. James) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในสไตล์โรมาเนสก์ ถึงแม้ในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นสไตล์บาโรก แต่ในช่วงศตวรรรษที่ 20 ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสไตล์โรมันตามเดิม

โบสถ์แห่งนี้ได้รับการจัดตั้งให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ภายในมีผลงานศิลปะที่น่าสนใจจำนวนมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ภาพพระแม่มารีแห่งเกรซกับนักบุญโรชและเซบาสเตียน

จุดบริการเล่นกีฬาทางน้ำ (Bellagio Water Sports) เป็นจุดที่น่าแวะเช็คอินที่ที่หนึ่งของเมือง เพราะบริเวณนี้เพื่อนๆจะได้เห็นเหล่าเรือที่สำหรับใช้กิจกรรมทางน้ำ เช่นเรือคายัค เรือใบ และเรือยอร์ช จอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ

เมืองเบลาจิโอถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในภูมิภาคลอมบาร์เดีย เป็นเมืองที่ควรค่าแก่การแวะมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก ยังไงถ้าหากเพื่อนๆมีเวลา อย่าลืมมาเก็บเจ้าไข่มุกเม็ดงามแห่งทะเลสาบโคโม่กันนะคะ

  เมืองวาเรนนา (Varenna)

เมืองวาเรนนา (Varenna) เป็นเมืองเก่าแก่นับพันปี สร้างขึ้นโดยชาวประมง ตั้งแต่ประมาณค.ศ. 769 ถือว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงโบราณที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 1,000 คน กระจายอยู่ตามไหล่เขาที่สูงชันสามารถมองเห็นทะเลสาบโคโม ซึ่งเมืองวาเรนนานี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเมืองที่มีความเป็นธรรมชาติ เพราะเมืองนี้มีสวน และพันธุ์ไม้ที่สวยงามมากที่สุดในบรรดาเมืองอื่นๆรอบทะเลสาบ

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

โบสถ์ซานจิโอจีโอ (Church of San Giorgio) เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส โบสถ์แห่งนี้มีต้นกำเนิดยุคกลาง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในสไตล์โรมันและโกธิค ภายในมีมีภาพวาดมากมายตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 และ 16 

สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษของโบสถ์แห่งนี้คือ ภาพวาดปูนเปียกในศตวรรษที่ 16 หอระฆังโบราณที่สร้างขึ้นในปี 1653 แท่นบูชาหินอ่อน และจิตรกรรมฝาผนังที่มีภาพวาดของราชินี Theodolinda และสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรี่มหาราช นอกจากนี้ Polyptych of Saint George วาดโดย Jo Pietro Brentani ในปีค.ศ. 1467 เป็นตัวอย่างศิลปะที่โดดเด่นในสไตล์ของ Giotto แสดงให้เห็นถึงพระแม่มารีบนบัลลังก์ถวายผลไม้แก่เด็กที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเธอ พร้อมกับให้ศีลให้พรด้วย 

Villa Monastero เป็นวิลล่าเก่าแก่ที่ถูกเปลี่ยนเจ้าของมาหลายครั้ง ปัจจุบันได้ยกให้ทางการทำเป็นพิพิธภัณฑ์ The House Museum ซึ่งเป็นบ้านที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นหัวใจหลักของเมืองเลยก็ว่าได้ ภายในบ้านมีทั้งหมด 14 ห้องได้รับการตกแต่งอย่างสมบูรณ์ ภายนอกแวดล้อมด้วยสวนพฤกษศาสตร์ที่มีพันธุ์ไม้ และสัตว์หายากหลายชนิด

นอกจากนี้ ยังเคยเป็นศูนย์การประชุมนานาชาติในปีค.ศ. 1954 และยังคงเป็นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกว่า 80,000 คน เข้ามาท่องเที่ยวตลอดทั้งปีอีกด้วย

The castle of Vezio เป็นปราสาทหอคอยเก่าแก่ ถึงแม้ว่าไม่ทราบต้นกำเนิดของป้อมปราการไที่ชัดเจน แต่ชื่อของ Vezio อาจคาดเดาได้ว่าถูกสร้างโดยชาวโรมัน ดังจะเห็นจากตระกูลโรมันที่มีชื่อนี้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของทะเลสาบโคโมมาแสนนาน ในยุคกลางปราสาทแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากสงคราม จึงทำให้ปราสาทบางส่วนถูกทำลายไป แต่ตัวหอคอยด้านบน ยังคงขึ้นไปชมวิวได้อยู่ หากกำลังขาไหว แนะนำเลยค่ะ วิวด้านบนสวยทุกมุมจริงๆค่ะ

Varenna's Walk of Lovers เป็นทางเดินเท้าสั้นๆ ที่ตั้งอยู่เหนือน้ำในนเมืองวเรนนา ระยะทางเริ่มต้นจาก Varenna Villa ป็นระยะทางประมาณ 50 เมตร ที่ทำให้มองเห็นทิวทัศน์อันแสนโรแมนติกของทะเลสาบโคโม่ ภูเขา และหมู่บ้านเล็กๆ ที่บ้านเรือนมีสีสันสดใสตั้งอยู่ที่เชิงหน้าผา

ทางเดินนี้เหมาะสำหรับเดินเล่นชิลล์ๆยามเย็น ยิ่งถ้าได้เดินเล่นกับคนรู้ใจแล้วละก็รับรองว่าฟินน์สุดๆ สมกับที่เป็นทางเดินแห่งรักจริงๆค่ะ

วาเรนนา ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในทะเลสาบ เพราะตามตรอกซอกซอยถูกปูด้วยหิน บ้านเรือนตั้งเรียงราย ที่ระเบียงและหน้าต่างประดับด้วยดอกไม้สวยงาม แถมหมู่บ้านนี้เงียบสงบ และงดงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริงค่ะ

  เมืองเมนากจิโอ (Menaggio)

เมืองเมนากจิโอ (Menaggio) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาบโคโม่ บริเวณปากแม่น้ำ Senagra ใกล้กับจุดบรรจบกับทะเลสาบลูกาโน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ เมืองเก่ามีลักษณะแบบยุคกลางที่มีถนนแคบๆ มีภูเขาเก่าแก่ คาดว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคครีเทเชียส (Cretaceous period) ทำให้มีหมอกปกคุมเมืองอยู่ตลอดทั้งปี 

เมืองนี้มีความโดดเด่นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เพราะมีวิลล่าหรูมากมายรองรับเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนตากอากาศกัน

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

Villa Mylius Vigoni เป็นที่ตั้งของวิลล่าที่เคยใช้เป็นสถานที่นัดพบสำหรับศิลปินและนักเขียนชาวเยอรมันและอิตาลี ภายในมีสวนโรแมนติกที่ดีที่สุดที่จะพบในแคว้นลอมบาร์เดีย มีต้นไม้สวยงามมากมาย เช่น ต้นสนทะเล ต้นเมเปิล ต้นไซเปรส ต้นซีดาร์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ หากต้องการเข้าชม ต้องจองล่วงหน้านะคะ นอกจากนี้ที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตประจำปีอีกด้วย

จุดชมวิว la Crocetta เป็นจุดชมวิวที่จะสามารถมองเห็นเมืองเมนากจิโอได้เกือบทั้งเมือง นอกจากจะเป็นจุดชมวิวของเมืองแล้ว ในสมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังเป็นจุดที่ใช้สังเกตการณ์ข้าศึกที่จะเดินทางมาเข้าโจมตีเมืองด้วยนะคะ จากตัวเมืองเมนากจิโอใช้เวลาไปจุดชมวิวประมาณ 30 นาที

Rifugio C.A.I. Menaggio ตั้งอยู่บนเชิงเขา Monte Grona ที่ระดับความสูงประมาณ 1,400 เมตร ในจุดที่สามารถมองเห็นทะเลสาบโคโม่ที่สวยงาม ที่นี่จะเปิดให้บริการในเฉพาะช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ด้านในตัวอาคารเป็นร้านอาหารเล็กๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดิน Trekking เพราะจากจุดที่เป็นตัวอาคารนี้จะสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวชื่อ Cima monte grona ด้านบนเขา Monte Grona ในระดับความสูง 1,736 เมตร ระยะทางอีกประมาณ 850 เมตร ได้ค่ะ 

** การเดินทางขึ้นไปยังจุดนี้ จะต้องจอดรถไว้ที่ Breglia หรือที่ Monti di Breglia แล้วเดินเท้าต่อขึ้นไปเท่านั้นนะคะ **

St. Stephen's Church โบสถ์เก่าแก่สไตล์บาร็อค ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัส Piazza Giuseppe Garibaldi โบสถ์มีหอระฆังสูงที่ทำให้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง เพราะถ้าหากเดินทางโดยเรือจากทะเลสาบ จะสามารถมองเห็นยอดโบสถ์ได้อย่างชัดเจนค่ะ 

ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังที่วาดโดยศิลปินท้องถิ่นชื่อ Tagliaferri ในปลายปีค.ศ. 1800 ซึ่งเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในแถบนี้ค่ะ

ด้วยทิวทัศน์อันตระการตาของทะเลสาบ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงทำให้เมืองนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน มาตากอากาศกันแบบจริงๆจังๆ ถ้าเพื่อนๆมีเวลา จะแวะเที่ยวเมืองนี้ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ีดีนะคะ 

************************************

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับทะเลสาบโคโม่ จุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ โรแมนติก และสวยงาม จนได้รับการยอมรับว่าทะเลสาบแห่งนี้เป็นสวรรค์ของชาวอิตาลี และสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากทั้ง 4 เมืองที่เราแนะนำมา ยังมีมืองอื่นๆ อีกมายมายที่ตั้งอยู่เรียงรายริมทะเลสาบที่สวยงาม รอให้เพื่อนๆมาเที่ยวชมอยู่นะคะ 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้