4 เมืองน่าเช็คอินในออสเตรีย ดินแดนแห่งความโรแมนติค และดนตรีคลาสสิก

4992 จำนวนผู้เข้าชม  | 

4 เมืองน่าเช็คอินในออสเตรีย ดินแดนแห่งความโรแมนติค และดนตรีคลาสสิก

ออสเตรีย (Austria) ดินแดนที่มีความโรแมนติค มีพรหมแดนติดกับประเทศเยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย ฮังการี สโลวีเนีย อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ถึงแม้จะเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปกลาง แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ และดนตรีสุดคลาสสิค ด้วยเหตุนี้เอง ออสเตรีย จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายของเหล่านักท่องเที่ยวที่นิยมแวะเวียนมาเก็บภาพความประทับใจกัน

สำหรับ 4 เมืองน่าเที่ยวในออสเตรียมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย Let's Go  

  เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก 

เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เป็นเมืองมรดกโลกในเขตซัลทซ์คัมเมอร์กูท (Salzkammergut) เมืองเล็กๆที่แสนจะมีเสน่ห์ริมทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ของออสเตรียเลย มุมถ่ายภาพมหาชน (ภาพล่างซ้าย) จะอยู่บนถนน Gosaumühlstraße แค่ค้นหาจาก Google Map ว่า Classic Village Viewpoint / Postcard Angle ก็จะพบค่ะ จุดนี้อยู่ห่างจากโรงแรม Heritage Hotel Hallstatt ประมาณ 210 เมตร

 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่สำคัญๆ ของเมืองฮัลล์สตัทท์ 

   1. จตุรัสกลางเมืองฮัลล์สตัทท์ (Central Square) จุดนัดพบที่มีเสน่ห์

จตุรัสกลางเมืองฮัลล์สตัทท์ (Central Square) เป็นจตุรัสกลางเมืองเป็นลานหินขนาดย่อม ประดับด้วยน้ำพุเก่าแก่ และอาคารบ้านเรือนที่สวยงามที่ ถือเป็นจุดนัดพบ มีทั้งคาเฟ่ ร้านและร้านอาหาร ให้ได้นั่งชิลล์พักกันให้หายเหนื่อย ใกล้กันยังมีถนนสายช้อปปิ้งอย่าง ถนน "ซีสตราซ” (Seestraße) มีร้านขายของที่ระลึกของศิลปินพื้นบ้านที่ออกแบบกันเอง และมีบ้านเรือนสไตล์อัลไพน์ที่เก่าแก่ที่สวยงามแปลกตาให้ชมอีกด้วย

    2. เหมืองเกลือ (Salt mine) เหมืองเกลือโบราณเก่าแก่ที่สุดในโลก

เหมืองเกลือ (Salt mine) เป็นเหมืองเกลือโบราณที่มีอายุกว่า 7,000 ปี โดยด้านในมีการขุดค้นพบ โครงกระดูกมนุษย์ และของใช้ต่างๆ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นของมนุษย์ยุคสำริด ปัจจุบันถือเป็นแหล่งเรียนรู้ และสถานที่ทำกิจกรรมมากมายให้กับนักท่องเที่ยว อย่างเช่น การเล่นสไลด์เดอร์ที่มีความสูงถึง 75 เมตร แอบกระซิบว่าถ้าเล่นสไลด์เดอร์ ให้ทำหน้าสวยๆ ไว้ด้วยนะคะ เพราะจุดนี้จะเจ้าหน้าที่แอบถ่ายรูปเรา ไว้ขายเป็นของที่ระลึกด้วยค่ะ

    3. จุดชมวิว Welterbeblick "World Heritage View" Skywalk จุดชมวิวเมืองแบบ Panorama

จุดชมวิว Welterbeblick เป็นจุดชมวิวที่จะได้มองเห็นเมืองฮัลล์สตัทท์แบบ Panorama ด้านบนมีร้านอาหาร Rudolfsturm ให้ได้นั่งพักทานมื้อเที่ยงแบบสบายๆ ราคาอาหารหลักร้อย แต่วิวหลักล้านเลยค่ะ

เมืองฮัลล์สตัทท์ถือเป็นเมืองที่ต้องไปสักครั้งให้ได้ในชีวิต เพราะเป็นเมืองที่มีสเน่ห์ชวนให้น่าหลงไหล ซึ่งเพื่อนๆจะไปค้างคืน หรือจะไปเที่ยวแบบ One Day Trip ก็ได้ตามสะดวก อ่อ!! ลืมบอกไป เมนูที่ต้องชิม ถ้ามาเที่ยวที่ฮัลล์สตัทท์ คือ Schweinschnitzel (หมูทอดสไตล์เวียนนา) และ Trout with Parsley and Salad (ปลาเทราท์ทอดหรือย่าง) หากไม่ได้ชิม ถือว่ามาไม่ถึงเมืองฮัลล์สตัทท์นะคะ 

  เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) เมืองแห่งดนตรีคลาสสิค

เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) เป็นเมืองเก่าแก่สุดคลาสสิคที่มีสถาปัตยกรรมแบบบาโรก เป็นบ้านเกิดของวูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) นักดนตรีและคีตกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก แถมยังเป็นเมืองที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music สเน่ห์ของเมืองนี้นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องเสียงดนตรีคลาสสิคแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามน่าสนใจมากมาย นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1997 อีกด้วย 

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่สำคัญๆ ของเมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg)

   1. สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนสวยติดอันดับโลก

สวนมิราเบล (Mirabell Garden) เป็นสวนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ในพระราชวังมิราเบล ถูกออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach ภายในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ มีรูปปั้นเทพเจ้าและน้ำพุที่สวยงาม มีมุมสวยงามให้เพื่อนๆได้เก็บภาพมากมาย เช่น บริเวณน้ำพุเพกาซัส รายล้อมด้วยผลงานสลักเสาฝีมือของ Ottavio Mosto ซึ่งสื่อถึงธาตุทั้งสี่ อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมไปถึงสวนคนแคระ ซึ่งจะพบรูปปั้นมากมายที่มีต้นแบบจากผู้คนที่มีชีวิตอยู่จริงจากช่วงปี ค.ศ. 1700

    2. จตุรัส Kapitelplatz หรือ Chapter Square จตุรัสมรดกโลก

จตุรัสคาพิเทลพลัทซ์ (Kapitelplatz หรือ Chapter Square) เป็นจตุรัสที่สามารถมองเห็น ปราสาทโฮเฮนซาลซ์บูร์ก (Hohensalzburg) ที่ตั้งอยู่บนเนินเข้าได้อย่างชัดเจน บริเวณกลางจตุรัสจะมีลูกทรงกลมสีทองตั้งตระหง่านเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมือง นอกจากนี้หากขึ้นไปชมยังปราสาทโฮเฮนซาลซ์บูร์ก ก็จะสามารถชมทิวทัศน์แบบ 360 องศาของเมืองซาลซ์บูร์กที่มีแม่น้ำซาลซัค (Salzach River) ไหลผ่านได้อย่างสวยงาม 

   3. บ้านเกิดโมซาร์ท บ้านที่โมซาร์ทเคยอาศัยอยู่ และจตุรัสโมซาร์ท (Mozart Geburtshaus / Mozart Wohnhaus / Mozartplatz) นักดนตรีและคีตกวีชื่อดังของโลก

บ้านเกิดโมซาร์ท (Mozart Geburtshaus) บ้านเลขที่ 9 บนถนน Getreidegasse เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในออสเตรีย ภายในจัดแสดงเอกสารต้นฉบับที่ระลึกชีวิตของโมสาร์ท เฟอร์นิเจอร์จากศตวรรษที่ 18 รวมถึงไวโอลินและ clavichord ของโมสาร์ท

บ้านที่โมซาร์ทเคยอาศัยอยู่ (Mozart Wohnhaus) ตั้งอยู่บริเวณจตุรัส Makartplatz เป็นบ้านที่โมซาร์ทใช้สอนการเต้นรำ และจัดงานสังสรรค์ทางสังคม ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวิถีชีวิต เครื่องดนตรีชิ้นแรกอย่างเปียโนของโมสาร์ท รวมถึงผลงานเพลงยุคแรกของเขาด้วย

จตุรัสโมซาร์ท (Mozartplatz) เป็นจุตรัสที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับศิลปินชื่อก้องโลกอย่างโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ท ออกแบบโดย Ludwig Schwanthaler รูปปั้นนี้ถูกหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ จัตุรัสโมสาร์ทเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการเที่ยวชมเมืองรวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในใจกลางเมืองเก่าของซาลซ์บูร์ก

   4. ถนนสายช้อปปิ้ง Getreidegasse แหล่งรวมแบรนด์เนมชื่อดังของเมือง

ถนนสายช้อปปิ้ง Getreidegasse เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง มีร้านค้าแบรนด์เนม และร้านขายของที่ระลึกมากมาย ซึ่งของที่ระลึกส่วนใหญ่ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อไปเป็นของฝาก ก็คงหนีไม่พ้นช็อกโกแลต โดยเฉพาะช็อกโกแลตลูกบอลโมสาร์ท (Mozartkugeln) ยี่ห้อ Mirabell เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิมยมมากที่สุดค่ะ

เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ถือเป็นเมืองที่สวย และมีเสน่ห์อีกเมืองหนึ่ง ที่มีความพร้อมทั้งในเรื่องของร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งหากได้มาเที่ยวชมแล้ว รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนค่ะ

  เมืองอินส์บรุค (Innsbruck) เมืองแห่งหลังคาทองคำ ลุ่มแม่น้ำอินน์

เมืองอินส์บรุค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของรัฐทีโรล ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ มีชื่อเสียงในด้านเป็นศูนย์กลางของกีฬาฤดูหนาว ชื่อเมืองคำว่า Inn เป็นชื่อแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง รวมกับ bruck ที่มาจากคำว่า Brücke ซึ่งเป็นคำในภาษาเยอรมันหมายถึง สะพาน ดังนั้นชื่อเมืองจึงมีความหมายว่า "สะพานข้ามแม่น้ำอินน์" นั่นเอง

 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่สำคัญๆ ของเมืองอินส์บรุค

   1. เดินเล่นชิลล์ๆ ริมแม่น้ำอินน์ (Inn River) แม่น้ำสายสำคัญของเมืองสุดโรแมนติค

ริมแม่น้ำอินน์ (Inn River) จะอยู่บริเวณด้านหลังของหลังคาทองคำ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง จุดนี้เพื่อนๆจะได้เห็นบ้านเรือนสีลูกกวาดสดใส โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง 

   2. หลังคาทองคำ (Golden Roof) หลังคาที่ทำจากทองคำเก่าแก่ แลนด์มาร์คสำคัญของเมือง

หลังคาทองคำ (Golden Roof) เป็นสถาปัตยกรรมยุคโบราณสไตล์โกธิกผสมบาโร้ก หลังคาที่ยื่นออกมาจากระเบียงถูกสร้างด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น ถือเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันค่ะ 

   3. สวารอฟสกี้คริสตัลเวิลด์ (Swarovski Kristallwelten) แหล่งผลิตแก้วคริสตัลที่มีชื่อเสียงระดับโลก

สวารอฟสกี้คริสตัลเวิลด์ (Swarovski Kristallwelten) สร้างขึ้นเพื่อฉลองวาระครบรอบหนึ่งร้อยปีของการก่อตั้งบริษัท ออกแบบโดยอองเดร เฮลเลอร์ (André Heller) ภายในจะได้เห็นความสวยงาม และความระยิบระยับของเครื่องแก้ว และคริสตัลรูปทรงต่างๆ แถมยังมีร้านอาหารรสเลิศอย่าง Daniels Kristallwelten. Café & Restaurant ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มสุดอร่อยอีกด้วย

ร้าน Daniels Kristallwelten. Café & Restaurant บริการอาหารนานาชาติ และอาหารพื้นเมืองภูมิภาค Tyrolean เป็นร้านที่ได้รับรางวัล toque ในคู่มือร้านอาหาร Gault Millau อีกด้วย

สำหรับเมืองอินส์บรุค ถือว่าเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามมากๆ

  กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงแห่งออสเตรีย


กรุงเวียนนา (Vienna) เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ การดนตรี และแหล่งช้อปปิ้งสุดหรู และยังถูกขนานนามว่าเป็น "The city of Music" เพราะเป็นเมืองต้นกำเนิดของศิลปินชื่อดังมากมาย

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่สำคัญๆ ของกรุงเวียนนา

   1. พระราชวังเชินบรุนน์  (Schönbrunn Palace) พระราชวังมรดกโลกแห่งกรุงเวียนนา

พระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace) ในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะมากมาย ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปีค.ศ. 1996 อีกด้วย


   2. พระราชวังเบลเวอเดียร์ (Belvedere Palace) พิพิธภัณฑ์จัดแสดงและเก็บผลงานศิลปะที่ดีที่สุดของกรุงเวียนนา 

พระราชวังเบลเวอเดียร์ (Belvedere Palace) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เป็นสถาปัตยกรรมในสไตล์บารอกที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายในเก็บผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย ซึ่งงานศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมคือ ภาพเขียนแบบอาร์ตนูโว The Kiss ของ กุสตาฟ คลิมท์ (Kustav Klimt)

  3. มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen's Cathedral) มหาวิหารที่สำคัญของกรุงเวียนนา

วิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen's Cathedral) เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิก ศิลปะสไตล์โรมาเนสก์ โดดเด่นด้วยการตกแต่งหลังคากระเบื้องสีสันสวยงาม และหอคอยสูงที่สามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวของกรุงเวียนนาได้แบบ Panorama ค่ะ

   4. โรงอุปรากรเวียนนา (Vienna State Opera) หนึ่งในโรงอุปรากรชั้นนำของโลก

โรงอุปรากรเวียนนา (Vienna State Opera) เป็นโรงอุปรากรแห่งแรกของประเทศ มี 1,709 ที่นั่ง ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1861 ปัจจุบันยังคงใช้เป็นสถานที่จัดแสดงโอเปร่าที่มีความหรูหรา และคลาสสิคมากๆค่ะ

   5. ถนนคาร์ทเนอร์สตรีท (Karntner Strasse) ถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในใจกลางกรุงเวียนนา 

ถนนคาร์ทเนอร์สตรีท (Karntner Strasse) เป็นะช้อปปิ้งสายสำคัญของกรุงเวียนนา มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ เรียงรายตลอดสองข้างถนน อาทิ เสื้อผ้า แบบนาฬิกาแบรนด์เนม, ร้านขนม และของฝากที่ระลึกมากมาย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ประเทศออสเตรีย มีแต่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ นอกจากเมืองที่เราเลือกไว้ ก็ยังมีเมืองอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย ยังไงฝากเก็บประเทศน่ารักๆนี้ ไว้ในลิสต์รายการของทุกคนด้วยนะคะ 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้